‘ชัยวุฒิ’ ภูมิใจเคย อัญเชิญพระเกี้ยว วอนน้องๆคิดถึงคุณค่าพระเกี้ยว

‘ชัยวุฒิ’ ภูมิใจเคย อัญเชิญพระเกี้ยว วอนน้องๆคิดถึงคุณค่าพระเกี้ยว

ชัยวุฒิ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ภูมิใจเคยร่วม อัญเชิญพระเกี้ยว งานบอลปี 36 วอนน้องๆและนิสิตรุ่นใหม่ คิดถึงคุณค่าและเกียรติภูมิพระเกี้ยว นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กจากกรณีที่ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมอัญเชิญพระเกี้ยวในงานประเพณีฟุตบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

โดยนายชัยวุฒิกล่าวว่า “พระเกี้ยว สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวนิสิตจุฬาฯ 

อันมาจากชื่อของมหาวิทยาลัยซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย หากสืบประวัติที่มาของประเพณีการอัญเชิญตราพระเกี้ยวเข้ามาในสนามแข่งขันนั้น น่าจะคล้ายเหมือนเป็นการเปิดงาน ซึ่งทางธรรมศาสตร์จะต้องมีตราธรรมจักร ส่วนจุฬาฯ เชิญตราพระเกี้ยว การอัญเชิญตราพระเกี้ยวเปรียบเสมือนการอัญเชิญพระพุทธเจ้าหลวงทั้ง 2 พระองค์ ซึ่งเป็นผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย เข้ามาในงาน และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬาและเหล่ากองเชียร์ ดังประโยคที่ดังก้องอยู่ในใจชาวจุฬาฯ ทุกคนว่า สีชมพูจักอยู่ในกายเจ้า พระเกี้ยวเกล้าจักอยู่เป็นคู่ขวัญ

“ผมในฐานะอดีตหัวหน้านิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2536 มีความภาคภูมิใจในอดีตที่ได้เคยเป็นส่วนหนึ่งในการเชิญพระเกี้ยวเข้ามาในงานฟุตบอลประเพณี ผมจำได้ดีว่าพวกเราทุกคนจะแบ่งหน้าที่กันทำกิจกรรมด้วยความภาคภูมิใจ ผมเชื่อมั่นว่านิสิตทุกคนที่อยู่ในงานมีความสุขและดีใจที่ได้มาร่วม แม้ว่าจะเป็นคนแบกเสลี่ยง เราก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของเรา

สังคมเปลี่ยน วัฒนธรรมบางอย่างอาจต้องเปลี่ยน แต่คุณค่าของพระเกี้ยวสำหรับชาวจุฬาฯ ไม่เคยเปลี่ยน ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ครับ และขอให้น้องๆ นิสิตจุฬาฯ ไม่ว่าจะจัดกิจกรรมกันอย่างไร ก็ขอคิดถึงคุณค่าของพระเกี้ยว และเกียรติภูมิที่พวกเรายึดถือกันไว้ตลอดมา เกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน”

ธนาธร บุกศาลอาญา ยื่น ประกัน ‘เบนจา อะปัญ’ หลังถูกคุมขังคดี ม.112

ธนาธร เดินทางไปยังศาลอาญา พร้อมหอบหลักทรัพย์เป็นเงินสองแสนบาทเพื่อยื่นขอ ประกันตัว เบนจา อะปัญ หลังถูกคุมขังคดี ม.112 นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีนันท์ ฮวดศรี ทนายความ ได้เดินทางยังศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมนำ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว เบนจา อะปัญ ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ จากกรณีที่ อ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารซิโนทัยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดย ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า วันนี้มาเป็นนายประกัน ให้เบนจา เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมและต้องการแสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมในสังคมจากกรณีที่นางสาวเบนจาไม่ได้สิทธิประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและอาจมีพฤติการณ์หลบหนี

ซึ่งในอดีตคดี 112 เคยมีการให้ประกันตัวมาแล้วหลายคดี จึงมองว่า การพิจาณาคดีมีหลายมาตรฐานเกินไป ส่วนกรณีกลัวเกิดการหลบหนี นายธนาธร ระบุว่า เบนจา เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นรุ่นน้องของตน มีผลการเรียนดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นว่าที่นักบินอวกาศ และจะมีสอบปลายภาคในเดือนธันวาคม จึงควรได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อเตรียมสอบและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน

ธนาธร ยังมองว่า กรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงยุคมืดของประเทศไทยในการใช้กฎหมายกดขี่ ปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง วันนี้มีคดีการเมืองกว่า 800 คดี มีคนเกี่ยวข้องกว่าพันราย ทั้งคดี ความผิดตามมาตรา112,116 เเละ พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งหลายคดีถูกดำเนินไปด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม มีการข่มขู่คุกคาม ลัดขั้นตอน ทำให้คนที่ต้องการแสดงความเห็นต่างหวาดกลัว การมาของตนในวันนี้จึงเป็นการยืนยันว่าจะยืนหยัดต่อสู้ พร้อมเรียกร้องให้คนในสังคมมีสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานว่า ความยุติธรรมต่อใครคนใดคนหนึ่ง คือความยุติธรรมต่อทุกคน อย่าปล่อยให้รัฐที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนใช้อำนาจบาตรใหญ่ตามอำเภอใจ เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไปได้อีก

ส่วนสาเหตุที่เลือกมาเป็นนายประกันให้ เบนจา เพราะอยากเห็นคนที่มีชื่อเสียง มีบทบาทในสังคมออกมาเคียงข้างนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมากกว่านี้ และหวังว่าศาลจะเห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของเบนจา แต่หากศาลไม่ให้ประกันก็จะใช้กระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ผลักดันต่อไป ซึ่งในฐานะคนที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เหมือนกัน

ตนมองว่า กฎหมายมาตรานี้กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากผู้เห็นต่างจากรัฐบาล เพื่อที่จะไม่ให้ประชาชนพูดในเรื่องปฏิรูปสถาบันฯซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเเละจำเป็น ตนย้ำทุกครั้งว่าไม่ใช่การล้มล้าง เเต่เพื่อให้สถาบันฯมั่นคงสถาพรเข้ากับยุคสมัยสอดรับหลักการประชาธิปไตย ตรงนี้คือข้อเท็จจริงพื้นฐานที่สังคมควรยอมรับหาทางออกด้วยกัน จะปล่อยให้ น้องเบนจาหรือคนอื่นๆที่เป็นอนาคตประเทศสู้ลำพัง มายืนหยัดกับเขา สิ่งที่ทำวันนี้เเม้ไม่มากเเต่ก็จะเเสดงให้เห็นว่าเรายืนอยู่กับเขา

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป